แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม 2568 โดยมีขนาดถึง 8.2 แมกนิจูด ที่ศูนย์กลางอยู่ในประเทศเมียนมา ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ และมีความลึกเพียง 10 กิโลเมตร
แม้ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวจะอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ มากกว่า 1,000 กิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้กว้างขวางในหลายพื้นที่ของไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร รวมถึงปริมณฑล เนื่องจากชั้นดินอ่อนในบริเวณที่ราบภาคกลางและกรุงเทพฯ ทำให้คลื่นแผ่นดินไหวเพิ่มความรุนแรงขึ้นเมื่อผ่านชั้นดินเหล่านี้
อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มที่รุนแรง โดยเฉพาะที่อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในย่านจตุจักรของกรุงเทพฯ ซึ่งพังถล่ม ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก อย่างน้อย 12 ราย มีผู้สูญหายอีกหลายสิบคน นอกจากนี้ยังเกิดอุบัติเหตุเครนเครนก่อสร้างถล่มในพื้นที่อื่น ๆ เช่น ย่านบางโพ และดินแดง ซึ่งเป็นผลจากแรงสั่นสะเทือนนี้ด้วย
หลังเหตุการณ์ รัฐบาลได้ประกาศกรุงเทพฯ เป็นเขตพื้นที่ฉุกเฉิน สั่งการให้เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ และมีการประชุมด่วนติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งทบทวนมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสูงเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนในอนาคต
•อาคาร สตง.หลังใหม่ กำลังก่อสร้าง สูงประมาณ 30-33 ชั้น ในเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พังถล่มลงมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13:20-13:25 น. ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ถึง 8.2 แมกนิจูด ที่ประเทศเมียนมา
•อาคารถล่มส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 89-95 ราย ผู้สูญหาย 1-31 ราย แตกต่างตามช่วงเวลาและรายงาน และมีผู้รอดชีวิตประมาณ 9 ราย
•อาคารอยู่ในช่วงก่อสร้าง งานโครงสร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2567 แต่ยังดำเนินงานผนังและตกแต่งภายนอก ทำให้อาคารไม่มีการรองรับแรงสั่นสะเทือนเต็มที่ในช่วงก่อสร้าง
•ซากอาคารมีความสูงซากเหลือประมาณ 1.37 เมตรในบางโซนหลังจากรื้อถอนเพื่อตรวจค้นผู้สูญหาย
•เกิดเหตุการณ์เครนอาคารถล่มเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียง สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น
•บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น ประเทศไทย จำกัด เป็นผู้รับเหมาหลักร่วมก่อสร้าง พร้อมกับบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวลล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในชื่อกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี
•อาคารอยู่ในช่วงก่อสร้าง ขณะเกิดแผ่นดินไหวส่งผลให้โครงสร้างที่เสร็จแล้วได้รับแรงกระแทกสูง จนถล่มทั้งหลัง
•มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีให้หาสาเหตุของการถล่มภายใน 90 วัน พร้อมทบทวนกระบวนการอนุมัติก่อสร้างและมาตรฐานความปลอดภัยทางวิศวกรรม
•การตรวจสอบความผิดทางกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทต่างชาติและซับคอนแทรกต์ รวมถึงประเด็นการฝ่าฝืนประกอบธุรกิจของนอมินี
•การกู้ซากอาคารเป็นภารกิจใหญ่ ใช้เวลาค้นหาผู้สูญหายกว่า 40 วัน ก่อนยุติการค้นหาในกลางเดือนพฤษภาคม 2568
•เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือแผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่บนชั้นดินอ่อน ทำให้แรงสั่นสะเทือนทวีความรุนแรงมากขึ้น